24.11.08

ฟอร์ดเสริมโฟกัส รุ่นประหยัด

ฟอร์ดเสริมโฟกัส รุ่นประหยัด เลื่อนเปิด เรนเจอร์ใหม่

“ฟอร์ด” สถานการณ์ปิ่มน้ำ หลังปิดไตรมาส 3 อาการสาหัสยอดขายตกกว่า 36% ดิ้นอีกเฮือกด้วย โฟกัส ไมเนอร์เชนจ์ เตรียมเปิดตัว 7 พฤศจิกายนนี้กับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล พร้อมเกียร์ พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ดับเบิ้ลคลัทซ์ คาดราคา 1.1 ล้านบาท ชูภาพลักษณ์สมรรถนะ-ประหยัดน้ำมัน ก่อนรุ่นเครื่องยนต์เบนซินจะแนะนำในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป พร้อมเสริมรุ่นประหยัด ตัวถังซีดาน เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ประกบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ราคาไม่ถึง 8 แสนบาท


ด้านปิกอัพยังไม่ฟื้น ทั้งยังโดนสองค่ายยักษ์ทุ่มเงินอัดโฆษณา-แคมเปญ เป็นเหตุให้ต้องเลื่อนเปิดตัว เรนเจอร์ ใหม่ ไปงานมอเตอร์โชว์ 2009 บิ๊กบอส “สาโรช” เผยปีหน้าเผาจริง เตรียมรัดเข็มขัด คุมสต็อก และเข้มกับสถาบันการเงิน หวั่นปัญหายึดรถ
โฟกัส ไมเนอร์เชนจ์

หลังปิดไตรมาส 3 ตลาดรถยนต์เมืองไทยด้วยยอดขาย 4.61 แสนคัน โต 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว(4.51 แสนคัน) โดยปัจจัยลบที่กระหน่ำซ้ำตลอดปี ถือเป็นสิ่งที่ทุกค่ายรถไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ด้วยความพร้อมที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นแผนงานของบริษัท-การปรับตัวให้ทันสถานการณ์ โดยมีเงื่อนไขกำหนดอย่างงบประมาณ และโปรดักส์ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นตัวชี้วัดความสามารถในการเอาตัวรอด และเป้าหมายยอดขายในบั้นปลาย

9 เดือนแรกผ่านพ้น และเมื่อเทียบยอดขายกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ปรากฏว่า“ฮอนด้า”ถือเป็นค่ายรถยนต์ที่มีอัตราเติบโตสูงสุด 32.56% ตามด้วยเชฟโรเลต 16.16% ขณะที่ยักษ์ใหญ่ โตโยต้า อีซูซุ ติดลบ 1.87% และ 1.61% ตามลำดับ ด้านนิสสันลบ 12.08% เช่นเดียวกับมิตซูบิชิที่ขายลดลงไป 7.75% ส่วนอาการหนักสุดน่าจะเป็นบิ๊กจากแดนมะกัน “ฟอร์ด”ที่ยอดขายรวมตกกว่า 36%

ขณะเดียวกันฟอร์ดอเมริกายังประสบปัญหาการขาดทุนสะสมต่อเนื่อง ทั้งยังเจอวิกฤตการเงินในบ้านตัวเองเล่นงาน จนราคาหุ้นสาละวันเตี้ยลงเป็นประวัติการณ์ แต่ผู้บริหารระดับสูงในไทยยังประกาศเสียงดังฟังชัดว่า ทั้งหลายทั้งปวงไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย และยังเดินหน้าตามแผนลงทุนที่วางไว้
สาโรช เกียรติเฟื่องฟู

“ปัญหาของฟอร์ดในอเมริกา ไม่มีผลกระทบกับ ฟอร์ด ประเทศไทย เนื่องจากเงินลงทุนที่ประกาศออกมา ได้ลงทุนไปเรียบร้อยแล้ว โดยโรงงานใหม่(AAT ระยอง) อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าต้นปี 2553 จะเริ่มเดินสายการผลิตเฟียสต้าได้ตามกำหนด” สาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวกับ “ผู้จัดการมอเตอริ่ง”

สำหรับ “เฟียสต้า”รถยนต์ซับคอมแพกต์รุ่นใหม่ ที่ฟอร์ดถือเป็น Global Car ซึ่งในยุโรปเป็นภูมิภาคแรกที่เปิดตัวทำตลาดไปเมื่อเร็วๆนี้ จากนั้นจะทยอยผลิตและเปิดตัวทั่วโลก โดยสาโรช เปิดเผยว่า ด้วยการเป็นรถโมเดลใหม่ทั้งหมด ดังนั้นความพร้อมของผู้ผลิตชิ้นส่วนจึงเป็นเรื่องสำคัญ ขณะเดียวกันพวกแม่พิมพ์ หรือส่วนประกอบต่างๆ ก็เพิ่งทยอยส่งมา เมื่อรวมกับความพร้อมของโรงงานใหม่ จึงคาดว่า เฟียสต้า จะทำตลาดได้ในไตรมาสแรกปี 2553 (หลัง มาสด้า 2 ที่คาดว่าจะทำตลาดช่วงปลายปี 2552)

นั่นเป็นแผนงานของเฟียสต้า ซึ่งถือเป็นความหวังใหม่ของฟอร์ดในอนาคต แต่ในส่วนคอมแพกต์คาร์คู่บุญ “โฟกัส” ที่ยอดขายดูไม่ค่อยสวยงามตามหวังนัก ก็เตรียมไมเนอร์เชนจ์ และมีคิวเปิดตัว 7 พฤศจิกายนนี้ โดยจะแนะนำเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ ดีเซล เกียร์พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ก่อน

“ต้นเดือนพฤศจิกายน เราเตรียมเปิดตัว โฟกัส ดีเซล ที่มาพร้อมสมรรถนะจากเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล แรงบิดมหาศาล320 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด แบบดับเบิ้ลคลัทซ์ เพิ่มประสิทธิภาพการขับ พร้อมการประหยัดน้ำมันระดับ 17 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะเดียวกันยังมากับรูปลักษณ์ใหม่ (ไมเนอร์เชนจ์) ตัวถังมีให้เลือกทั้ง แฮทซ์แบ็ก 5 ประตู และ ซีดาน ส่วนราคาน่าจะอยู่ประมาณ 1.1 ล้านบาท ”นายสาโรช กล่าวและว่า

โฟกัส ดีเซล พร้อมเกียร์พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด ไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตลาด และถือเป็นรถที่เข้ามาสร้างภาพลักษณ์ให้ฟอร์ด มากว่าจะหวังยอดขาย โดยล็อตแรกนำเข้ามาจากประเทศฟิลิปปินส์มีจำนวนไม่มาก เป็นแค่หลัก 10 คันเท่านั้น และจะพร้อมส่งมอบได้ตั้งแต่งานมอเตอร์เอ็กซ์โปเป็นต้นไป

“ส่วนโฟกัส ไมเนอร์เชนจ์ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน บริษัทเตรียมเปิดตัวพร้อมเคาะราคาอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2008 ที่จัดระหว่าง 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม พร้อมกันนี้ยังจะเพิ่มรุ่นย่อยในตัวถังซีดาน เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ซึ่งในไลน์ของเครื่องยนต์เบนซินทั้งหมดจะส่งมอบได้ตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้า” นายสาโรช กล่าว

ประเด็นสำคัญที่ฟอร์ด เสริมรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร เกียร์ธรรมดาเข้ามา เพราะในปัจจุบันค่ายรถแดนมะกันไม่มีรถยนต์นั่งราคาต่ำกว่า 8 แสนบาททำตลาดเลย ซึ่งตลาดเก๋งที่เติบโตสูงขึ้นในปีนี้ เกินกว่า 50% เป็นสัดส่วนของรถราคาต่ำกว่า 8 แสนบาท ซึ่งรุ่นย่อยที่คาดว่าจะใช้ชื่อ แอมเบียนต์ (Ambiente) น่าจะเข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้

อย่างไรก็ตามในส่วนของการระบาย โฟกัส รุ่นเก่า ที่เหลือเพียง 100-200 คันนั้น ฟอร์ดก็ทำแคมเปญ ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง โดยสาโรชเชื่อว่าถึงสิ้นปีคงหมดเกลี้ยงพอดี

ทั้งหมดเป็นแผนงาน ในเซกเมนท์รถยนต์นั่งของฟอร์ด แต่ในส่วนปิกอัพ ที่ปีนี้ตลาดซบเซาจากความผันผวนของราคาน้ำมันในช่วงต้นปีถึงกลางปีจน ทำให้ตลาดรวมเมื่อปิดไตรมาส 3 ยอดขายตก 9.30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และในส่วนของฟอร์ดเองก็สาหัสไม่แพ้กัน เมื่อทำยอดขายได้เพียง 5,803 คัน ลดลงกว่า 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ประเด็นนี้ สาโรช กล่าวว่า ต้องยอมรับสภาพเศรษฐกิจและราคาน้ำมัน มีผลโดยตรงกับยอดขายปิกอัพ ประกอบกับสองค่ายผู้นำตลาด มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ พร้อมกระหน่ำแคมเปญและโฆษณาอย่างหนัก จึงทำให้บริษัทต้องเลื่อนแผนการเปิดตัว เรนเจอร์ ไมเนอร์เชนจ์ ออกไปเป็นปีหน้า

“ตอนแรกเราเตรียมเปิดตัว เรนเจอร์ ไมเนอร์เชนจ์ ปลายปีนี้ แต่จากสถานการณ์ตลาดไม่เอื้ออำนวย บวกกับการที่สองค่ายใหญ่ทุ่มงบประมาณทุกด้านเพื่อรักษายอดขาย ซึ่งถ้าเราไม่แข็ง หรือเสียงไม่ดังจริง คงไม่อาจสร้างกระแสให้ปิกอัพใหม่ได้ และเหมือนเป็นการทุ่มงบลงไป แล้วได้ผลกลับมาไม่คุ้มค่า ดังนั้นจำเป็นต้องเลื่อนการทำตลาด เรนเจอร์ ใหม่ไปเป็นต้นปีหน้า ซึ่งการสรุปแผนล่าสุดคาดว่า จะเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ 2009 (เดือน มีนาคม-เมษายน)”

ปิกอัพ เรนเจอร์ ต้องเลื่อนการทำตลาดรุ่นไมเนอร์เชนจ์ไปปีหน้า จากกำหนดเดิมมีคิวเปิดตัวปลายปีนี้

รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า จากสภาพเศรษฐกิจ และตลาดรถยนต์ซบเซา ทำให้ยอดขายของบริษัทที่ทำได้เฉลี่ยเดือนละ 800-850 คัน นั้นถือว่าน่าพอใจแล้ว แต่คงต้องทำงานหนักต่อไป ส่วนตลาดรวมเมื่อถึงสิ้นปีน่าจะปิดเพียง 6.3 แสนคัน ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ส่วนปีหน้าคาดว่าสถานการณ์จะแย่กว่านี้

“ปีหน้าเชื่อว่าวิกฤตเศรษฐกิจ จะส่งผลให้ตลาดรถยนต์ชะลอตัวแน่นอน แม้ราคาน้ำมันจะลดลง แต่รายได้คนก็ลดลงตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตรที่ราคาพืชผลลดลง การท่องเที่ยว-การส่งออกชะลอตัว ส่วนการเมืองที่อึมครึมยังไม่รู้ว่าอนาคตจะจบรูปแบบใด ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นจำเป็นต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมการควบคุมรายจ่าย ควบคุมสต็อกให้เหมาะสม ขณะเดียวกันต้องพูดคุยกับสถาบันการเงินมากขึ้น”

“ปัจจุบันมีการจัดสินเชื่อโดย ฟอร์ด ลิสซิ่ง สัดส่วน 25-30% ของยอดขายทั้งหมด ดังนั้นเราต้องผูกสัมพันธ์กับสถาบันการเงินอื่นๆให้มากขึ้น มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ระวังการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงการทำแคมเปญที่สมเหตุสมผล เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้เสีย การตามยึดรถ อันจะมีผลร้ายแรงตามมา”สาโรช กล่าวสรุป

...ทั้งหมดเป็นแผนงานของ ฟอร์ดประเทศ ไทย ที่เตรียมรับมือกับสถานการณ์ตลาดปลายปีนี้ ก่อนเผาจริงปีหน้า ส่วนจะประคอง เอาตัวรอดได้มากน้อยแค่ไหน ยอดขายจะเป็นคำตอบ

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์