8.11.08

ซีรี่ส์ 5 ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลBMW 525i 520d

BMW 525i 520d



นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจไม่น้อยเมื่อเจ้า ซีรี่ส์ 5 กลายมาเป็นรถสายพันธ์ที่ทำยอดขายได้มากที่สุดในประเทศไทยของค่ายบีเอ็มดับเบิ้ลยู แทนที่ ซีรี่ส์ 3 ซึ่งเป็นเคยตัวหัวหอกในการสร้างยอดขายมาอย่างยาวนาน ปัจจัยอะไรที่ทำให้สาวกของค่ายใบพัดฟ้าขาวเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ ทั้งที่สนนราคาค่าตัวสูงกว่าซีรี่ส์ 3 ค่อนข้างมาก คำตอบของคำถามคงจะเป็นด้วย บุคลิกที่เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนๆ ของเจ้าซีรี่ส์ 5 ผสานกับการทำตลาดที่เน้นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ประกอบกับขยายฐานลูกค้าของซีรี่ส์ 5 ให้มีความหลากหลายมากขึ้นอาทิ ลูกค้าฟลีต (บริษัทฯหรือโรงแรมที่ซื้อครั้งละหลายๆ คัน) ทำให้ซีรี่ส์ 5 กลายเป็นรถที่สร้างยอดขายอันดับ 1 ของบีเอ็มดับเบิ้ลยูประเทศไทยได้



ในปีที่ผ่านมาบีเอ็มฯ ได้เพิ่มทางเลือกให้กับเจ้าซีรี่ส์ 5 ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล ในรุ่น 520d ซึ่งประสบความสำเร็จด้านยอดขายเป็นอย่างมาก และเราก็ได้เคยนำเสนอบททดสอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับอนุกรม 5 ยังมีอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจนั่นก็คือ รุ่น 525i เครื่องยนต์เบนซิน ที่ว่าน่าสนใจก็เนื่องจากเจ้า 525i นี้เพิ่งจะได้รับการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ และเพิ่มออพชั่นอีกหลายรายการโดยที่ไม่มีการเพิ่มราคาขึ้นมาจากรุ่นก่อนหน้าแต่อย่างใด



ถ้ามองโลกในแง่ดี นั่นก็หมายความว่า ผู้บริโภค ได้สินค้าดีขึ้นแต่ราคาถูกลง ในทางกลับกันอาจจะมองว่า ก่อนหน้านี้ก็ได้กำไรมากสิ ซึ่งเรื่องนี้ก็แล้วแต่ใครจะมองอย่างไร ดังนั้นเพื่อดูว่าเจ้า 525i เปลี่ยนแล้วเป็นอย่างไร วันนี้ “ผู้จัดการมอร์เตอร์ริ่ง” จึงขอนำเสนอเรื่องราวของเจ้า 525i ในแบบสบายๆ โดยเริ่มจากความแตกต่างที่เพิ่มขึ้นได้แก่ ไฟหน้าที่ปรับมุมตามองศาพวงมาลัย (Adaptive Headlight) แอคทีฟสเตียร์ริ่ง (ระบบปรับอัตราทดพวงมาลัยผันแปรตามความเร็วรถ) ชุดกระจกมองข้างแบบพับได้ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นนัลแบบสปอร์ต ยางรันแฟลต(ยางที่วิ่งได้แม้ไม่มีลม) และล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว และที่สำคัญคือ เครื่องยนต์ ซึ่งเป็นตัวใหม่ รหัส N52 แบบ 6 สูบ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตรที่ 2,750 รอบ/นาที น้ำหนักตัวรถ 1,550 กิโลกรัม ความเร็วสูงสุดตามข้อมูลจากบีเอ็ม 242 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 ในเวลา 7.9 วินาที



ขณะที่มีค่าสัมประสิทธิแรงต้าน(Cd) ต่ำเพียง 0.28 เท่านั้น เมื่อทราบข้อมูลทางเทคนิคเรียบร้อย ก็มาถึงคิวของตัวรถจริงๆ กันบ้าง ความรู้แรกหลังเข้าไปนั่งประจำการในตำแหน่งสารถีและกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เจ้า 525i ทำให้เรา “ตกใจเล็กๆ” เมื่อปีกทั้งสองข้างของเบาะนั่งคนขับโอบกระชับเข้าหาตัว เหมือนจะบอกว่า “พร้อมแล้วนะ”



ซึ่งเป็นอะไรที่เราไม่เคยพบในรถยนต์คันไหนมาก่อนจริงๆ หลังจากตื่นตาตื่นใจกับเบาะนั่งไปแล้ว เราก็มาวุ่นวายกับเจ้าบลูทูธกันต่อ จากความเดิมตอนที่แล้วที่เราเคยทดสอบเจ้า 520d การเชื่อมต่อบลูทูธเพื่อใช้งานโทรศัพท์มือถือทำได้โดยง่าย(เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่นั่งช่วยอยู่) ทว่ามาคราวนี้เราได้ลืมไปหมดซะงั้นจึงไม่ต่างอะไรกับคนไม่เคย และเมื่อลองใช้ปุ่ม i-drive ก็พบว่า การเข้าเมนูเพื่อใช้งานบูลทูธนั้นไม่ยาก



แต่ก็มาติดตรงที่ รหัสผ่าน(Password) ทำให้ต้องเดือดร้อนจนท.ฝ่านเทคนิคของบีเอ็มดับเบิ้ลยูอีกครั้งแล้ว บลูทูธ ก็สามารถใช้งานได้สมดังใจ ทันทีที่รถพร้อม คนพร้อม แอร์เย็น เพลงดัง เราก็ออกเดินทาง โดยเลือกใช้เส้นทางกรุงเทพฯ -ราชบุรี



ในช่วงแรกเป็นการใช้งานในเมือง เราขับออกจากตึกออลซีซั่นทะลุผ่านใจกลางย่านธุรกิจอย่างสยามสแคว์ เจ้า 525i ค่อนข้างคล่องตัวในการเปลี่ยนเลน ทัศนะวิสัยชัดเจนดี จัดว่าประทับใจไม่น้อย และก็มาถูกใจอีกครั้งด้วย อัตราเร่งของเจ้าเครื่องยนต์ N52 แรงบิดสูงสุดที่มาในรอบต่ำเพียง 2,750 รอบ/นาที ทำให้ตอบสนองอย่างรวดเร็วทันใจ ให้ความรู้สึกเหมือนเหยียบคันเร่งของรถสปอร์ต



พวงมาลัยกระชับมือดีน้ำหนักพอเหมาะ แปรผันตามความเร็วรถนิ่งเบามือ วิ่งเร็วหนักขึ้น เมื่อออกจากกรุงเทพฯ เราเริ่มใช้ความเร็วได้มากขึ้น 120-140 กม./ชม.คือตัวเลขที่เข็มไมล์บนหน้าจอชี้อยู่ ซึ่งเจ้า 525i วิ่งนิ่ง เกาะถนน สร้างความอุ่นใจแก่ผู้โดยสารเป็นอย่างดี ส่วนเสียงลมรบกวนจากภายนอกหรือยางบดถนนดังเข้ามาน้อยมาก ด้านเกียร์อัตโนมัติสเต็ปโทรนิค 6 สปีด ทำงานสอดประสานอย่างนุ่มนวล จนไม่รู้สึกถึงจังหวะที่เกียร์เปลี่ยน



โดยเราสามารถทำความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม. บนถนนที่โล่งก่อนจะถึงทางเข้าตลาดน้ำดำเนินสะดวกอันเป็นเป้าหมายในการเดินทางหนนี้ ด้วยเส้นทางด้านในของถนนเส้นนี้ค่อนข้างเรียบและอุดมไปด้วยโค้งหลายสิบโค้ง ในระยะทางเพียงไม่กี่กิโลเมตร ทำให้เราได้ลองเข้าโค้งแบบหนำใจ จนกล้าพูดอย่างเต็มปากว่า เจ้า 525i เกาะโค้งดีเยี่ยม ไม่มีอาการโยนตัว ประจวบเหมาะกับเราได้ตั้งไฟระบบออโต้ไว้ ซึ่งเมื่อแสงน้อยไฟจะติดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ



ทำให้เห็นถึงการทำงานของระบบไฟหน้าเลี้ยวตามพวงมาลัย ที่เสริมให้การขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น เราสิ้นสุดการเดินทางครั้งนี้ด้วยระยะทางไป-กลับประมาณ 400 กม. กับการแสดงผลผ่านระบบคอมพิวเตอร์ออนบอร์ดของเจ้า 525i ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 8.0 กม./ลิตร



นับว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ด้วยสนนราคาค่าตัว 3.9 ล้านบาท แลกกับสมรรถนะเช่นนี้ของ 525iเราขอบอกว่าคุ้มแล้ว ยิ่งเมื่อมองดูคู่แข่งอย่าง เมอร์เซเดส เบนซ์ ในรุ่นมีแรงม้าใกล้เคียงกันคือ E280 3.0 เอวังการ์ด(219 แรงม้า) เคาะราคาไว้ถึง 4.85 ล้านบาทคงทำให้ผู้ที่มีงบประมาณไม่เกิน 4 ล้านบาทและมองหาซีดานยุโรปสมรรถนะสูงตัดสินใจได้ไม่ยาก



ที่มา : manageronline.com