31.3.09

นิสสัน" ยันลุย "อีโคคาร์" มาแน่ปีหน้า

นิสสัน" ยันลุย "อีโคคาร์" มาแน่ปีหน้า

ข่าวในประเทศ – บิ๊กบอสใหม่นิสสันประกาศชัดโครงการ “อีโคคาร์” มาแน่ปีหน้าและจะเป็นทีเด็ดกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์ไทย บวกกับค่าเงินเยนแข็งมีผลต่อต้นทุนเป็นเหตุให้บริษัทแม่โยกฐานการผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กมาไทย-อินเดีย เชื่อ 3-4 ปีเห็นยอดขายรถเล็กรวมทุกยี่ห้อระดับ 1.0-1.5 แสนคันชัวร์ เตรียมปูทางปรับโครงสร้างใหม่ ทั้งการบริหาร-ภาพลักษณ์ ดีเดย์ 21 เมษายนนี้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ประเดิมรุ่นแรกกับ“เทียน่า ”ชูความหรูหราพร้อมสมรรถนะเหนือคู่แข่ง เคาะราคา 1.179 - 1.649 ล้านบาท ตั้งเป้าขายปีนี้ 3,000 คัน

นายโทรุ ฮาเซกาวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด

นายโทรุ ฮาเซกาวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจ และการที่ค่าเงินเยนแข็งตัว ส่งผลกับต้นทุนการผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นที่สูงขึ้น จึงทำให้บริษัทแม่ต้องขยายการลงทุนมายังประเทศอื่นๆซึ่งรวมถึงไทย และอินเดีย โดยจะมุ่งไปที่รถยนต์นั่งขนาดเล็ก(เอหรือบีแพล็ตฟอร์ม)เป็นหลัก เช่นกันกับโครงการอีโคคาร์ในไทย ที่บริษัทลงทุนไปกว่า 5,000 ล้านบาท ยังดำเนินการตามแผนเดิม โดยมีกำหนดเปิดตัวรถช่วงปี 2553

“อีโคคาร์เป็นรถเล็กราคาประหยัด ที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดรถยนต์ในประเทศให้มีความคึกคัก ในส่วนของบริษัทยืนยันว่าจะมีรถทำตลาดในปีหน้า และจากนั้นจะมีหลายค่ายทยอยเปิดตัวทำตลาดซึ่งระยะเวลาจะเป็นเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่คาดว่า ภายใน 3-4 ปี อีโคคาร์จะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทย และเป็นตลาดใหญ่ด้วยยอดขาย 1.0-1.5 แสนคันต่อปี”

อย่างไรก็ตามเพื่อปูทางไปสู่แผนงานดังกล่าว บริษัทจึงเตรียมปรับภาพลักษณ์และการบริหารงานครั้งใหญ่ โดยวันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป จะเริ่มปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ซึ่งหลักๆจะพยายามดึงพนักงานที่เป็นคนท้องถิ่นให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น และวันที่ 21 เมษายน 2552 จะเปลี่ยนชื่อบริษัทอย่างเป็นทางการจาก สยามนิสสัน ออโตโมบิล เป็นบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้สอดคลองกับชื่อบริษัทอื่นๆในประเทศ และเป็นไปในทิศทางเดียวกันเดียวกันทั่วโลก

“ในไทยเรามีบริษัทในเครือหลายแห่งที่ชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า นิสสัน อาทิ นิสสัน ลีสซิ่ง หรือ นิสสัน พาว์เวอร์เทรน ดังนั้นการเปลี่ยนชื่อบริษัทครั้งนี้จะทำให้ทุกบริษัทมีชื่อไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อสะดวกในการสื่อสาร และแสดงถึงภาพลักษณ์แบรนด์ที่เข้มแข็งต่อไป”

ทั้งนี้บริษัทยืนยันที่จะคงสัดส่วนการถือหุ้นในประเทศไทยเอาไว้ที่ 75% ขณะที่หุ้นส่วนที่เหลือ 25% ยังเป็นของกลุ่มสยามกลการ (พรเทพ พรประภา) ซึ่งการเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ของบริษัทคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะต้องทำหลายเรื่องอาทิ ผลิตภัณฑ์ โปรโมชั่น ราคา ที่ต้องไปในแนวเดียวกัน แต่เชื่อว่าทั้งหมดจะช่วยยกระดับแบรนด์นิสสันในอนาคต

นิสสัน เทียน่า

นายฮาเซกาวา กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพลักษณ์ใหม่ของนิสสัน จะเริ่มกับโปรดักต์อย่าง เทียน่า ที่เปิดตัววันนี้(19 มี.ค.) กับความหรูหรา ทันสมัย สมรรถนะที่ไม่เป็นรองคู่แข่งในท้องตลาด(โตโยต้า คัมรี่, ฮอนด้า แอคคอร์ด) กับเครื่องยนต์ 2 ขนาดคือ 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร ใน 6 รุ่นย่อย ราคา 1.179 - 1.649 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าขายปีนี้ 3,000 คัน

“เราเชื่อมั่นว่าความพึงพอใจของลูกค้าเริ่มต้นจากคุณภาพของสินค้าที่ดี ซึ่งนิสสัน เทียน่าเป็นหนึ่งในรถยนต์คุณภาพ และเป็นรถยนต์น่าขับรุ่นหนึ่งที่นิสสันได้นำเสนอแก่ลูกค้าในประเทศไทย โดยเราหวังจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแบรนด์ นิสสัน จากเทียน่า รุ่นใหม่นี้”

สำหรับปี2552บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมทุกรุ่น 28,000 คัน ขณะที่การส่งออกประมาณการณ์ไว้ 50,000 คัน ขณะเดียวกันการปรับโครงสร้างบริหารและภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ บริษัทตั้งเป้าว่าภายใน 4 ปีนับจากนี้ จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 10% จากปัจจุบันที่มีเพียง 5-6% เท่านั้น

สำหรับนายโทรุ ฮาเซกาวา เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้นายฮาเซกาวา เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ นิสสัน มอเตอร์ อินโดนีเซีย (พ.ศ. 2544 -2547 )และนิสสัน มิดเดิลอีสต์ (พ.ศ.2549- 2551)

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์