7.4.09

รู้เรื่องรถกัน

รู้เรื่องรถกันหน่อยดีกว่า

ทุกวันนี้น้ำมันขึ้นราคากันเป็นว่าเล่น แต่การจราจรก็ยังคงติดขัดอยู่เช่นเดิม สาวๆ ทำงานอย่างเราก็มีที่ต้องขับรถไปไหนมาไหนด้วยตนเอง พอรถเกิดอาการงอแงขึ้นมาก็คงตกใจทำอะไรกันไม่ค่อยจะถูกใช่ไหม มาอ่านตรงนี้ก็หน่อยดีกว่าอาการของรถเสียมีอยู่หลายแบบ คุณผู้หญิงควรที่จะเรียนรู้เอาไว้

> ยางแตก อาการนี้โดยปกติแล้วจะไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักจะเกิดขึ้นคือฟลุคจริงๆ หรือไม่ก็โชคร้ายสุดๆ ยามเมื่อรถเสีย คุณผู้หญิงที่แสนจะบอบบางคงไม่ต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนยางเองหรอก ที่สำคัญโดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่นิยมมียางสำรองไว้ท้ายรถกันอยู่แล้ว สิ่งที่ควรจะทำเป็นอย่างแรกคือ ขยับรถไม่ให้กีดขวางการจราจรของรถคันอื่น จากนั้นดูสิว่ามีเบอร์ร้านซ่อมรถที่คุณไปใช้บริการบ่อยๆ หรือโทร.หาศูนย์บริการซ่อมรถที่คุณถอยรถออกมาก็ได้ แต่หากว่ามีอู่ซ่อมรถอยู่ห่างไม่ไกลนักก็จ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถแท็กซี่ไปรับช่างมาซ่อมให้คุณก็ได้ สุดท้ายเมื่อรถของคุณยังพอที่จะประคองตัวไปถึงอู่ได้ ก็ให้ขับไปจะเป็นการดีที่สุด

> น้ำมันหมด เรื่องนี้น้อยครั้งที่จะเกิดขึ้นกับคุณสาวๆ เพราะด้วยลักษณะนิสัยที่ละเอียดลออทำให้ต้องหมั่นเติมน้ำมันให้เต็มถังอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความอุ่นใจ แต่หากวันดีคืนดีเกิดน้ำมันหมดไม่รู้ตัว การแก้ไขที่เข้าท่ามีดังนี้ เรียกรถแท็กซี่ให้มาช่วยลากรถคุณไปปั้มที่ใกล้ที่สุด แล้วถ้าเกิดน้ำมันหมดในถนนที่ไม่ค่อยมีรถยนต์แล่นผ่านไปมาล่ะ ให้คุณโทร.หาคนทางบ้านแจ้งว่าคุณน้ำมันอยู่ตรงนั้นตรงนี้นะ หรือโทร.แจ้งไปที่จส.100 เพื่อให้ช่วยกระจายข่าวและขอความช่วยเหลือ หากมีรถแล่นมาโดยบังเอิญก็ขอแบ่งน้ำมันจากเขาสักหน่อย เพื่อให้สามารถขับไปถึงปั้มได้

> ความร้อนขึ้นสูง หรืออาการรถฮีทขึ้น ก็จัดการได้ง่ายๆ ให้คุณเปิดฝากระโปรงรถ แต่อย่าเพิ่งเปิดฝาหม้อน้ำรถขึ้นมานะ เพราะว่าน้ำยังมีความร้อนสูงอยู่มากและแรงดันความร้องสูง หากคุณปุปปับเปิดขึ้นมาน้ำที่เดือดอยู่อาจกระฉูดมาโดนคุณ ให้ผิวพรรณ หน้าตาโดนลวกได้ ให้ใจเย็นสักนิดรอสักครู่ให้รถมีความเย็น แล้วจึงค่อยๆ เปิดฝาหม้อน้ำ ส่วนของฝาหม้อน้ำคือส่วนที่เป็นหม้อน้ำเหล็กหรือที่เป็นรังผึ้งนั่นเอง จากนั้นก็ค่อยๆ เติมน้ำเปล่าลงไปทีละนิด เรื่อยๆ จนกว่าน้ำจะค่อยๆ เย็นขึ้น เมื่อเสร็จแล้วก็สตาร์รถดูสิว่าติดไหม หากยังไม่ติด อาจเป็นเพราะยังคงมีความร้อนอยู่ ก็เป็นได้

> แบตเตอรี่หมด อาการที่บอกว่าคุณกำลังประสบปัญหาเรื่องแบตเตอรี่รถหมดคือ สตาร์ไม่ติด บิดกุญแจแล้วทุกอย่างก็ยังคงเงียบกริบ หากไม่แน่ใจว่าเกิดอาการแบตเตอรี่หมดหรือไม่ ก็ให้ลองกดแตร หากแตรยังไม่ดัง นั่นก็มั่นใจได้เลยว่า แบตเตอรี่หมดอย่างแน่นอนหากคุณพอมีสายพ่วงกับแบตเตอรี่ก็เพียงแค่ขอแบตเตอรี่จากรถคันอื่น ให้จอดรถเทียบข้างกัน แต่อย่าให้ตัวถังรถติดกัน เพราะอาจเกิดประกายไฟ จากนั้นเอาสายพ่วงแบตเตอรี่ เสียบเข้าที่ขั้วแบตเตอรี่ของรถทั้งสองคัน โดยหนีบจากรถคันที่มีแบตเตอรี่ก่อน การเสียบนั้นให้คุณจำไว้ให้ขึ้นใจเลยว่า “บวกต่อบวก ลบต่อลบ” จากนั้นให้คันที่มีแบตเตอรี่สตาร์รถเพื่อถ่ายไฟเข้าในแบตเตอรี่รถคุณ ประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง โดยประมาณ จากนั้นคุณก็ลองสตาร์รถของคุณดูว่าสตาร์ติดหรือไม่